น็อต วรฤทธิ์ เล่าความกล้าหาญสุดแสบ ถูกไล่ออกจากโรงแรม-แคนเซิลวีซ่า ที่บิดา ‘ชลิต’ ไม่ทราบ
นานๆครั้งครั้งนัก ที่ น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ จะเชื้อเชิญป๋า ชลิต เฟื่องอารมย์ ดารามีชื่อ มาเปิดใจถึงความเกี่ยวข้องระหว่างบิดาลูก รวมทั้ง ชีวิตวัยแสบของ น็อต วรฤทธิ์ ที่บิดาไม่รู้จักมาก่อน
โดย ปัจจุบัน ทั้งสองไปออกรายการ เปิดเผย ช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 เปิดใจ
ชลิต เผยออกมาว่า ก็เป็นผู้ดำเนินรายการมา 20 กว่าปี แม้กระนั้นเงินไปไหนหมดไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ)
โดย น็อต ได้เสริมว่า ครอบครัวเป็น ทุกคนดำเนินงาน แม่ก็เก็บหมด แม่ดูแลเงินให้หมด จะเอาอะไรจำต้องให้แม่หมดเลย จนถึงสมรสเลยเก็บเอง
ชลิต เปิดเผยว่า เมื่อก่อนรับละคร 2 เรื่องมากสุด วันหนึ่งมันแบ่งการถ่ายทำ จังหวัด-พ. เรื่องนึง ศาสตราจารย์-อา. ได้อีกหนึ่งเรื่อง อาทิตย์หนึ่งอย่างยิ่งก็ได้ 2 เรื่อง คราวก่อนดำเนินการอย่างกะโคกะควาย ตลอดวันตลอดคืน ไม่เสมือนสมัยปัจจุบัน
บางเรื่อง ถ่ายตอนเช้าจนถึงตอนเช้า ถัดไป 3 วัน นอนในกองถ่าย กินในกองถ่าย วิ่งหารายได้ตลอด เพราะเหตุว่าหาผู้เดียว เลี้ยงทุกคน แนนเกิดขึ้นมาไม่นานก็เล่นละครแล้ว
บ้านเฟื่องอารมย์ เป็นศิลปินแทบหมด?
ชลิต เปิดเผยว่า ก็ยังงงมากอยู่ พวกเราเข้ามาคนแรก จับผลัดจับผลู เข้ามาเล่น ก็เป็นชรัส เข้ามาเรื่องเพลง เขียนเพลง ร้องเนื่องจากว่า รวมทั้งเข้ามาโดยบังเอิญ
น็อต วรฤทธิ์ เปิดเผยว่า อดีตสมัย แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนเรียนที่กรุงเทวดาคริสเตียน ควรมีผู้หญิงไปมองดูที่โรงเรียนมัธยมศึกษา นึกออกว่า ครอบครัวพวกเราไม่เคยท่องเที่ยวพร้อมหน้าครอบครัวเลย คิดออกเคยไปคราวหนึ่ง พัทยา ครั้งเดียว เด็กมากมาย และไม่เคยอีกเลย ทุกคนก็ดำเนินการ
ความกล้าหาญสุดแสบ น็อต วรฤทธิ์
ตุ่ม ชลิต เปิดเผยว่า เขาเล่นเทนนิส เป็นนักกีฬา ก็ไปเรียนทุกๆอย่าง ให้ไม่ว่างว่าง ถูกอัดทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง
น็อต เล่าว่า ปิดภาคการศึกษา พี่แนนไปเรียนประเทศนอก พวกเราไปจังหวัดชัยนาท เก็บเนื้อเก็บตัวนักกีฬา ถึงเวลา มีความรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเราถูกบอกให้ทำมาตลอด พวกเราต้องการทำหรือไม่ ก็เริ่มตามสหาย โดยที่บิดาไม่รู้เรื่องเลย บิดาหารายได้สิ่งเดียว แม่ก็ปิด
“พอเพียงมัธยม 3 โดนไล่ออก ไม่ให้ศึกษาต่อจากผสานมิตร เนื่องจากระเบิดสถานที่เรียน ในขณะนั้นกระจับมันได้รับความนิยม ก็เล่นกันในสถานศึกษา ดอกเดียวไม่มัน ก็อัด 100 ดอก ไปหลบซ่อนตามจุดต่างๆขาดช่วงเวลาแล้วแอบฟัง พวกเราก็ดีแล้ว ก็โดนไล่ออกจากสถานศึกษา”
“เขาก็เรียกแม่ไปพบ ว่าต้องการจะเรียนตรงนี้ หรือไปไหน แม่ก็บอกให้อยู่ประเทศนอก บิดาก็จำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มมากขึ้น ส่งไปเรียนประเทศนอก จากคนไม่เคยไปเมืองนอก กล่าวได้ 3 คำ Yes, No , Okay อายุ 15 ปี ครอบครัวก็ส่งที่ท่าอากาศยานไปที่โน่น เวลานี้ก็มีความคิดว่า ชีวิตเป็นของพวกเราแล้ว ตอนไปนิวซีแลนด์ ไปถึงที่บ้านนั้น เดินไปนู้นนี่ งาม ในที่สุด หมาก็ไม่พบ ไร้คนเลย”
วรฤทธิ์ เผยอีกว่า พวกเราก็มีความรู้สึกว่า พวกเรารับแรงกดดันไม่ไหว โทรกลับไปอยู่บ้านประเทศไทย บิดารับโทรศัพท์ ก็พูดว่า “เหงาหงอยหวะ” บิดาก็พูดว่า หากหนาวก็คลุมผ้าสิ พวกเราก็ไม่ไหวแล้ว ก็ร้องไห้ ผ่านไป 2 วัน เข้าสถานศึกษาก็พบเพื่อนพ้อง ไม่เคยโทรกลับไปอยู่ที่บ้านอีกเลย มีจดหมายจากครอบครัวฝรั่ง ส่งไปดุด่าแม่ที่บ้าน เกกมะเหรกเกเรมากมาย ไม่เชื่อฟัง ก็เรียกว่าเป็นที่ดัดนิสัย พวกเราก็ไม่ช่วยเขา หนังสือไม่ไปเรียน บ้านไม่กลับ นานๆกลับไปอยู่ที่บ้าน พวกเราเกลียดชังเรียนหนังสือ เกลียดชังอะไรที่บังคับ ก็ถูกใจท่องเที่ยว มองนี่โน่น ก็ย้ายอีก 3 สถานศึกษา เขาก็ไม่ให้อยู่ ย้ายเมืองด้วย เมืองท้ายที่สุด ไปอยู่ใต้สุด ไม่มีอะไร หนักกว่าเดิม จนถึงประเทศเขาไม่รับ แคนเซิลวีซ่า
มดดำ เปิดเผยว่า ฉันก็โดน ตัดสายออกสิเจน ไปอยู่แฟมิลี่ นางเป็นโรคหอบ ทำยังไงก็มิได้กลับไปอยู่ที่บ้าน ก็เลยได้กลับเลย
ความผูกพันธ์ของบิดาลูกคู่นี้
น็อต เปิดเผยว่า ไม่มี
ชลิต บอกว่า การเลี้ยงลูกอดีตก็แตกต่างกัน การจะมากมายอด มาหอม มันก็ทำไม่ได้ เนื่องจากพวกเรายังไม่เคยทำกับบิดามารดาเลย เป็นคนสมัยก่อน ความสนิทสนมเสมือนไม่สนิทสนม แม้กระนั้นในใจมีความสัมพันธ์อยู่แล้ว
ในเวลานี้บิดา ไม่รับละครเลย
ชลิต เปิดเผยว่า ก็รับอยู่ ก็หมดวัยแล้ว พวกเราอายุมากมายแล้ว ก็ต้องการพัก พวกเราก็พบธรรมชาติดีเลิศ ก็ต้องการแก่ยืนยาวกับธรรมชาติ ถ้าพวกเราอยู่จังหวัดกรุงเทพ ดำเนินการมากมายไปก็อ่อนล้า
“พวกเราก็เริ่มเล่นละครปี 2519 ก็ราวๆ 44 ปี ในเวลานั้นก็ทำธนาคารด้วย ถ่ายละครด้วย เล่นละครได้ 500 บาทต่อตอน เรื่องหนึ่งก็ 10 ตอน 20 ตอน เมื่อก่อนเล่นเนื่องจากความรักมากยิ่งกว่าเงิน ในช่วงเวลานั้นทองคำก็บาทละ 1500 บาท”