ช่วงวันที่ 13 เดือนตุลาคม นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคเกิดใหม่ ภาควิชาแพทยศาสตร์ จุฬาลงมือณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมคลิปวิดีโอมีใจความสรุปว่า ความประพฤติปฏิบัติที่พึ่งพิงยาเป็นหลัก ใช้ยาเป็นสรณะ จะมีผลไปถึงสมอง รีบให้กำเนิดอาการโรคสมองเสื่อมได้เร็วขึ้น ยาอะไรหรือการกระทำที่ไม่เป็นผลดีต่อสมอง การใช้ยาจะต้องพิจารณาก่อนว่ายาที่ใช้ทุกจำพวก อันที่จริงการใช้ยาจำเป็นต้องพิจารณา ว่าเป็นยาที่ใช้รักษา หรือเพียงทุเลาอาการเพียงแค่นั้น ได้แก่ ยาพารา อย่างปวดหัว ปวดศรีษะนั้นบางทีอาจจะเป็นเนื้องอกในสมองได้ บางทีก็อาจจะเป็นปวดศีรษะจากความตึงเครียดก็ได้ แต่ว่าตามที่จริงยาพาราทำให้หายปวด แม้กระนั้นจริงๆต้นสายปลายเหตุนั้นร้ายแรงรวมทั้งรุนแรงมากยิ่งกว่าที่พวกเราคิด ในเวลาเดียวกันถ้าใช้ยามากเหลือเกิน ร่างกายจะเป็นสนามรบของยา ไม่ว่าจะเป็นยาเดียวใช้ในจำนวนมากนานมาก หรือใช้ยาหลายแบบปนกัน ผลเสียที่กระทบไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่ว่าจะมีผลร้ายไปถึงสมอง รวมทั้งรีบทำให้โรคสมองเสื่อมได้เร็วขึ้น
1.ยาในกรุ๊ปชนิด Anti- เป็นยาที่ช่วยบรรเทาอาการ ยาที่ทำให้อาการมองต่ำลง ได้แก่ ยาต่อต้านไม่มีชีวิตชีวา ยาต้านทานอาการห่อเหี่ยว ยารักษาโรคจิต ประสาท อารมณ์ ช่วงนี้มีการใช้ยาพวกนี้ไม่ถูกชนิด ดังเช่นว่า นอนไม่หลับมิได้ใช้ยานอนหลับเฉยๆแต่ว่ามีการใช้ยาต้านทานอาการเศร้าสร้อย เศร้าใจ อย่างไรก็ดีมีการใช้ยาโรคทางจิต โดยหวังว่าจะใช้ผลกระทบที่ทำให้อยากนอนมาทำให้นอน
นอกเหนือจากนั้น ถ้าเกิดมีการใช่ยาหลายๆตัวด้วยกันจะส่งผลเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ทำให้สารเคมีบางจำพวกกำเนิดเพิ่มปริมาณรวมทั้งกำเนิดมีขั้นในสมอง อย่างเช่น การเกิดซีโรโทนิน (Serotonin) ที่มีการคลุ้มคลั่งสารซีโรโทนินในสมอง ทำให้มีลักษณะทางสมอง ดังเช่น ซึม มีลักษณะกระตุก แข็งเกร็ง ชักไม่รู้ตัว ส่งผลต่อหัวใจ ความดันขึ้น หัวใจเต้นแตกต่างจากปกติ จวบจนกระทั่งมีกล้ามอักเสบ ซึ่งการเกิดทั้งยัง 3 ชนิด ไม่จำเป็นที่ต้องเกิดขึ้นอีกทั้ง 3 อย่าง ทำให้ยากต่อการวิเคราะห์แต่ว่าเกิดขึ้นได้แน่ๆ
โทษที่ละเลยในเรื่องของ 2.ยาในกรุ๊ปจำพวก จำพวกยาแก้แพ้ ที่ออกฤทธิ์เร็ว รับประทานปุบปับออกฤทธิ์ปั๊บ อย่างอาการน้ำมูกไหลทานปุบปับแห้งปั๊บ เหล่านี้จะส่งผลต่อสมอง นำมาซึ่งโรคสมองเสื่อมเร็วมาก
3.ยาในกรุ๊ปชนิด รักษาอาการโรคสมองเสื่อม ในกรุ๊ปคนไข้ที่เริ่มมีลักษณะรวมทั้งไปใช้ยาแก้โรคสมองเสื่อม แม้กระนั้นอันที่จริงแล้วเป็นยาที่กระตุ้นสมองให้ดูกระฉับกระเขงเท่านั้นเอง และก็จะไปรีบหลักการทำงานของสมองอย่างหนัก แล้วก็มากมายตลอดระยะเวลา ไม่ถูกการทำงานของสมองที่จะจะต้องดำเนินการอย่าง มัธยัสถ์ อดออม รีไซเคิล 4.ยาในกรุ๊ปจำพวกลดระดับความดัน ที่ใช้เยอะๆเกินความจำเป็น กระทั่งไม่อาจจะมีโลหิตไหลเวียนไปเลี้ยงสมอง ในผู้ที่แก่มากเพิ่มขึ้น ที่มีเส้นโลหิตแข็ง เส้นโลหิตตีบ 5.การผ่าตัดที่ไม่สำคัญ ดังเช่นว่าการผ่าตัดกระดูก ผ่าข้อต่างๆซึ่งตามที่จริงสามารถใช้แนวทางกายภาพบำบัด